แอร์ไม่เย็น ตอนที่ 1 : มาทำความสะอาดแอร์เบื้องต้นด้วยตัวเองกันเถอะ


ทำไมวันนี้แอร์ร้อนจุง..
แอร์ทำงานปกติ กลางคืนก็เย็นดี แต่กลางวันสู้แดดไม่ไหว
อาการแบบนี้อาจเกิดจากแอร์ของเราเริ่มสะสมฝุ่น ทำให้อากาศหมุนเวียนไม่สะดวก
แสดงว่าแอร์เราเริ่มสกปรกแล้วล่ะค่ะ

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม

1. ฟ็อกกี้ฉีดน้ำ (ใช้แบบอันเล็กๆ ที่ฉีดรีดผ้าก็ได้นะ)



2. สเปรย์ฉีดทำความสะอาดคอยล์เย็น (มีให้เลือกหลายกลิ่นหลายยี่ห้อเลยล่ะ แต่ admin ใช้กลิ่นนี้แล้วรู้สึกว่ากลิ่นมันเฟรชดี)




ขั้นตอนการทำความสะอาดแอร์เบื้องต้นด้วยตนเอง

1. เพื่อความปลอดภัย อันดับแรกควรสับเบรคเกอร์ลงก่อนทุกครั้งนะคะ (Safety first)


2. ถอดแผ่นฟิลเตอร์คอยล์เย็นเพื่อนำไปทำความสะอาด

เปิดหน้ากากแอร์ขึ้น

 ถอดแผ่นฟิลเตอร์แผงคอยล์เย็นออกมา

ฉีดน้ำสวนจากด้านที่มีฝุ่นเกาะน้อย เพื่อให้น้ำดันฝุ่นหลุดย้อนออกไปนะคะ

นำไปผึ่งลมให้แห้ง (แนะนำให้ผึ่งลมในที่ร่มนะคะ พลาสติกจะได้ไม่กรอบกรุบ ๆ)

3. ทำความสะอาดคอยล์เย็นด้วยสเปรย์ทำความสะอาดคอยล์เย็น


ฉีดสเปรย์ทำความสะอาดคอยล์เย็นให้ทั่ว
ฉีดมันเข้าไป ๆ เลยค่ะ อย่าให้เหลือที่ว่าง
(รู้สึกเหมือนเป็นไอ้แมงมุมกำลังปล่อยใยเลย หนุกดี 555)


ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที นะคะ


คราบฝุ่นสกปรกจะค่อย ๆ หลุดออกจากคอยล์เย็น ไหลลงถาดน้ำทิ้ง

จากนั้นใช้ฟ็อกกี้ฉีดน้ำสะอาดให้ทั่วแผงคอยล์เย็นเพื่อไล่ฝุ่นตามอีกครั้งค่ะ
พักทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง เพื่อให้คอยล์เย็นแห้งสนิท

4. นำฟิลเตอร์แผงคอยล์เย็นที่แห้งแล้ว มาประกอบกลับเข้าที่เดิม แล้วทำการปิดหน้ากากแอร์



5. เปิดเครื่องทดสอบการทำงานของแอร์ (อ้อ! อย่าลืมยกเบรคเกอร์ขึ้นด้วยนะคะ เดี๋ยวจะต๊กกะใจ!!! คิดว่าปล่อยใยจนแอร์เสียซะแล๊ววว 555)

การทำความสะอาดแอร์เบื้องต้นด้วยสเปรย์โฟม: ง่าย ประหยัด แต่ต้องรู้วิธี

เครื่องปรับอากาศหรือแอร์ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานอยู่แทบตลอดทั้งปีในหลายครัวเรือน และหากไม่ได้รับการดูแลหรือทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ประสิทธิภาพลดลง สูญเสียพลังงาน และอาจเป็นแหล่งสะสมฝุ่น เชื้อรา และแบคทีเรีย วิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมในช่วงหลังคือการใช้ สเปรย์โฟมล้างแอร์ ซึ่งช่วยให้สามารถทำความสะอาดเบื้องต้นได้เองโดยไม่ต้องถอดแอร์หรือต้องพึ่งช่างทุกครั้ง


ข้อดีของการใช้สเปรย์โฟมล้างแอร์

ใช้งานง่าย ไม่ต้องถอดเครื่อง
       เพียงเปิดหน้ากากแอร์แล้วฉีดลงบนคอยล์เย็น ทิ้งไว้ให้โฟมละลายแล้วเปิดพัดลมให้ไล่น้ำออก

ประหยัดค่าใช้จ่าย
       ราคาสเปรย์โฟมตกประมาณ 100–300 บาท ใช้ล้างแอร์ได้เองหลายครั้งต่อปี

ช่วยลดกลิ่นอับและเชื้อโรค
       โฟมช่วยย่อยสลายคราบฝุ่นและเชื้อราบริเวณคอยล์เย็น

ยืดอายุการใช้งานของแอร์
       
ช่วยให้แอร์ทำงานเบาขึ้น ไม่อุดตันเร็ว

ข้อเสียของการใช้สเปรย์โฟม

ทำความสะอาดได้เฉพาะ “คอยล์เย็น”  ไม่สามารถเข้าถึงพัดลมหรือคอยล์ร้อนด้านนอกได้
ไม่เหมาะกับแอร์ที่สกปรกมากหรือไม่ได้ล้างมานาน
หากใช้งานไม่ถูกวิธี อาจทำให้โฟมไหลเข้าแผงวงจรหรือพัดลม ส่งผลเสียต่อแอร์
ไม่ได้ล้างท่อน้ำทิ้งหรือส่วนอื่น ๆ ที่อุดตันได้

ข้อควรระวังในการใช้งาน

  • อ่านฉลากและคำแนะนำของสเปรย์ทุกครั้งก่อนใช้งาน
  • ใช้กับแอร์ที่ ตัดไฟแล้วเท่านั้น
  • ป้องกันโฟมไม่ให้ไหลไปยังแผงวงจรหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
  • หลังฉีดควรรอให้โฟมย่อยคราบสกปรก 10–15 นาที และเปิดพัดลมแอร์ (ไม่เปิดคอมเพรสเซอร์) ประมาณ 30 นาที เพื่อไล่ความชื้น
  • ห้ามฉีดแรงหรือใกล้เกินไป อาจทำให้ครีบคอยล์บิดเสียรูป

การเลือกซื้อสเปรย์โฟมล้างแอร์

  • เลือกยี่ห้อที่มี มาตรฐาน ปลอดภัย ไม่มีสารกัดกร่อน
  • เลือกสูตร ไร้กลิ่นฉุน หรือมีสารยับยั้งเชื้อรา
  • ขนาดกระป๋องควรเพียงพอต่อการใช้งานกับแอร์ 1 เครื่อง (แนะนำ 500–600 ml/เครื่อง)
  • หากต้องการล้างหลายเครื่องควรซื้อแบบ แพ็กหรือขวดเติม

ความคุ้มค่าและความถี่ในการใช้งาน

  • ควรล้างด้วยสเปรย์โฟมทุก 2–3 เดือน ขึ้นอยู่กับการใช้งาน
  • ใช้เป็น การดูแลรักษาระหว่างการล้างใหญ่ ซึ่งควรทำทุก 6–12 เดือน
  • ประหยัดค่าช่างและเวลานัดหมาย โดยเฉพาะในกรณีเร่งด่วน เช่น แอร์มีกลิ่นอับ

เปรียบเทียบ: สเปรย์โฟมล้างแอร์ VS ล้างแอร์ด้วยเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง

ประเด็น สเปรย์โฟม เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง
ความสะดวก สูง – ล้างเองได้ ต่ำ – ต้องถอดเครื่องและใช้ช่าง
ความลึกในการทำความสะอาด ต่ำ – เฉพาะคอยล์เย็น สูง – ล้างครบทุกส่วน
ค่าใช้จ่าย ต่ำ (100–300 บาท) สูง (300–700 บาท/ครั้ง)
ความเสี่ยง หากทำผิดวิธีอาจเสียหาย หากใช้แรงดันไม่เหมาะสมก็เสี่ยงเช่นกัน
ความถี่ในการทำ ทุก 2–3 เดือน ทุก 6–12 เดือน

สรุป

การล้างแอร์เบื้องต้นด้วย สเปรย์โฟม เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลแอร์ให้สะอาดอยู่เสมอโดยไม่ต้องพึ่งช่างทุกครั้ง เหมาะสำหรับการล้างเบื้องต้นและป้องกันกลิ่นอับ โดยควรใช้อย่างระมัดระวังตามคำแนะนำ และเสริมด้วยการล้างใหญ่โดยช่างผู้เชี่ยวชาญทุก 6–12 เดือน เพื่อคงประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศ